Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเทียวจังหวัดอุบลราชธานี

1.อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 74 ของประเทศ มีเนื้อที่ประมาณ 212,500 ไร่
หรือ 340 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงต่ำสลับกันไปทั่วพื้นที่ ระดับความสูงของพื้นที่อยู่ระหว่าง 100-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล แนวเขตด้านทิศตะวันออกใช้เส้นแบ่งเขตแดนประเทศและติดกับประเทศลาว ซึ่งมีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตโดยตลอดความยาวประมาณ 63 กิโลเมตร สภาพพื้นที่โดยรวมเป็นลานหิน รอบแนวเขตถัดจากฝั่งแม่น้ำโขงจะเป็นหน้าผาสูงชัน มีภูผาที่สำคัญได้แก่ ภูผาขาม ภูผาเมย ภูผาเจ็ก ภูผาสร้อย ภูย่าแพะ ภูชะนะได ภูผานาทาม ภูโลง ภูปัง ภูจันทร์แดง ภูหลวง ภูสมุย และภูกระบอ เป็นต้น อุทยานแห่งชาติผาแต้มเป็นแหล่งต้น้ำาลำธารของห้วยช้าง ห้วยภูโลง ห้วยฮุง ห้วยลาน ห้วยเพราะ ห้วยแยะ ห้วยกวย ห้วยกะอาก ห้วยใหญ่ ห้วยสูง และห้วยหละหลอย สิ่งที่ทำให้คนไทยที่ไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวรู้จักกับผาแต้ม คือ การที่ผาแต้มเป็นพื้นที่ที่ใช้อ้างอิงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นของประเทศไทย ดังจะได้ยินกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในทุกเช้าอยู่เสมอว่าเวลาพระอาทิตย์ขึ้นวัดจากผาชะนะได ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของอุทยาน จึงเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ก่อนใครในสยาม ในด้านธรรมชาติที่นี่ยังอุดมด้วยป่าเต็งรังและป่าดิบแล้งจำนวนมาก สลับกับลานหินกระจายอยู่ทั่วภูเขา รวมถึงหน้าผาหินที่บริเวณผาแต้มเมื่อมองดูจากแม่น้ำโขงด้านล่างจะเห็นเป็นหน้าผาสูงที่สวยงามตามธรรมชาติ บริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนของสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่ตามผนังเป็นจำนวนมาก เป็นภาพเขียนสีศิลปะถ้ำโบราณที่มีอายุเก่าแก่ และเป็นแหล่งที่พบมากที่สุดในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ควรค่าแก่การเก็บรักษา จนได้มีการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา
การเดินทางมาเที่ยวที่ผาแต้มนั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง ทั้งทางโบราณคดีและธรรมชาติ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยถนนลาดยางเข้าถึงที่ทำการอุทยานฯ และยังเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง คุณจึงสามารถขับรถเที่ยวได้ง่ายในเส้นทางไปยังที่ทำการคุณสามารถจอดรถเที่ยวชมเสาเฉลียงซึ่งตั้งอยู่ริมทางก่อนถึงผาแต้มเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มมีเสาเฉลียงให้ชมอยู่ 2 แห่ง คือเสาเฉลียงคู่แห่งนี้และเสาเฉลียงใหญ่ที่อยู่ในเขตบ้านผาชัน บนเนินหินด้านหลังเสาเฉลียง คุณยังสามารถเดินขึ้นไปชมวิวแม่น้ำโขงตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ด้วย ถัดจากการเที่ยวชมเสาเฉลียงแล้ว ขับรถมาถึงลานจอดรถเพียงเดินเท้าผ่านลานหินไม่ไกลก็ได้มาชมภาพเขียนสีของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์มีอายุราว 3,000-4,000 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มภาพเขียนสีที่ยาวที่สุดในประเทศไทย การเดินชมภาพเขียนมีเส้นทางเดินลอดไปตามหน้าผาวกกลับมายังศูนย์บริการ ซึ่งคุณสามารถเดินเที่ยวได้ภายในวันเดียว จากนั้นจึงขับรถไปเที่ยวชมน้ำตกสร้อยสวรรค์ จากน้ำตกสร้อยสวรรค์ ยังมีเส้นทางเดินผ่าไปชมวิวที่ผาเจ๊ก และผาเมยได้อีก ระยะทาง 3 กิโลเมตร
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวผาแต้มอีกแห่งหนึ่งคือ น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกรู ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ มีถนนลาดยางเข้าถึงลานจอดรถและเดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกได้สะดวก ในเส้นทางเดียวกันนี้ขับรถต่อไปอีกหน่อยมีน้ำตกทุ่งนาเมืองให้คุณได้เที่ยวชมอีกเช่นกัน และไปจบรายการเส้นทางนี้ที่เถาวัลย์ยักษ์ ที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ หากคุณเป็นคนชอบเดินป่า จากหน่วยพิทักษ์อุทยานคันท่าเกวียนยังมีเส้นทางเดินไปชมน้ำตกห้วยนาเมืองใหญ่ ภูถ้ำน้ำ ผาหินฝน ถ้ำโบกโลง กลุ่มเสาเฉลียง หินโยกมหัศจรรย์ ผาแดง และโหง่นแต้มได้ด้วย การเดินทางต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางด้วย หากคุณมีเวลาไม่มากนัก เพียงขับรถมาชมน้ำตกทุ่งนาเมืองก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางไปยังบ้านนาโพธิ์กลาง-บ้านซะซอม หากเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสามารถขับไปจนถึงถ้ำปาฏิหาริย์ได้ จากนี้จะเป็นเส้นทางเดินป่าพิชิตยอดผาชะนะได ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่นิยมของนักเดินไพรเป็นอย่างยิ่ง
อุทยานแห่งชาติผาแต้มได้จัดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติพิชิตยอดผาชะนะไดไว้ 3 เส้นทางด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปีและเลือกเส้นทางที่ท้าทายได้ตามความชอบ คือ เส้นทางผาแต้ม-น้ำตกสร้อยสวรรค์ เส้นทางน้ำตกทุ่งนาเมือง-ผาชะนะได และเส้นทางถ้ำปาฏิหาริย์-ผาชะนะได ซึ่งเส้นทางสุดท้ายนี้จะผ่านน้ำตกสะปัน และหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 5 (ดงนาทาม) ก่อนจะเดินตัดขึ้นเขาไปยังน้ำตกห้วยพอก และหน้าผาชะนะได การเดินทางในเส้นทางนี้ต้องค้างแรมกลางป่าและแค้มป์ปิ้ง เหมาะกับนักท่องเที่ยวประเภทลุยๆ จากผาชะนะไดยังสามารถเดินไปเที่ยวที่ถ้ำฝ่ามือแดง ผาหินแตก และผากำปั่นได้อีกด้วย

ที่อยู่ :อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี 34220

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
อัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะ : คลิก
**หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

2.อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 33 ของประเทศ มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ หรือ 80 ตารางกิโลเมตร โดยครอบคลุมท้องที่อำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบและเนินเขาเตี้ยๆ โดยมียอดเขาบรรทัดเป็นจุดสูงสุด ความสูงประมาณ 543 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่านตามแนวเขตทางด้านทิศเหนือไปออกประเทศลาว บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่ไหลเชี่ยวและลึก อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลาอาศัยอยู่ชุกชุม ตรงกลางมีโขดหินขนาดใหญ่เป็นเกาะกลางน้ำ คำว่า “ตะนะ” ตามคำเล่าขานของชาวบ้านเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “มรณะ” เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะนี้มีกระแสน้ำไหลที่เชี่ยวกราก และมีโขดหินใหญ่น้อยอยู่ทั่วไป ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลา มักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านจึงเรียกแก่งนี้ว่า “แก่งมรณะ” ซึ่งต่อมาเพี้ยนเป็นคำว่า “แก่งตะนะ” สภาพพื้นที่ทั่วไปส่วนใหญ่เป็นที่ราบ และเนินเขาเตี้ยๆ มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่าน มียอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาบรรทัด สูงประมาณ 543 เมตร ทำให้มีลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในเขตลมมรสุม แต่เนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ำสำคัญสายใหญ่ 2 สาย อากาศจึงแตกต่างจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยทั่วไป คือ ฤดูร้อน อากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป ฤดูหนาว ไม่หนาวจัด ส่วนฤดูฝน ฝนตกค่อนข้างชุก สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในฤดูฝนและฤดูหนาวจะมีผู้มาเที่ยวชมแม่น้ำมูล แม่น้ำโขง และน้ำตกต่างๆ ส่วนในปลายฤดูหนาวและฤดูร้อน นิยมมาเที่ยวชมแก่งต่างๆ ในลำน้ำมูลแทน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานมีทั้งด้านประวัติศาสตร์ ที่คุณไม่ควรพลาดคือการได้มาชมถ้ำพระ หรือถ้ำภูหมาใน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นชะง่อนผายื่นเข้าไปในฝั่งแม่น้ำมูล ภายในถ้ำมีการค้นพบศิลาจารึกและแท่นศิวลึงค์ ส่วนของฐานโยนีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 ซึ่งตรงกับช่วงสมัยพระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน (เจ้าชายจิตรเสน) ส่วนศิลาจารึกของจริงได้มีการนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอุบลราชธานีส่วนที่เที่ยวทางธรรมชาติมีทั้งน้ำตกและแก่งหินในลำน้ำในแม่น้ำมูล ที่คุณไม่ควรพลาดคือการมาเที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำและชมวิวที่แก่งตะนะ ซึ่งลักษณะของแก่งเกิดจากดอนตะนะที่แบ่งสายน้ำมูลออกเป็นสองสาย ก่อนจะไหลโอบดอนมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง บริเวณนี้มีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและแก่งหินใต้น้ำ จึงทำให้ปลาบริเวณแก่งตะนะชุกชุม
นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะยังได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกเริ่มต้นจากแก่งตะนะไปยังลานผาผึ้ง และเส้นทางที่สองที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือจากแก่งตะนะไปดอนตะนะ ซึ่งด้านบนของดอนจะมีหาดทรายในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้งให้ลงเล่น ด้วยสิ่งที่ทำให้ดอนตะนะดูโดดเด่นคือสะพานแขวนลวดสลิงขนาดใหญ่ที่แขวนเชื่อมจากฝั่งแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นจุดชมวิวลำน้ำมูลและวิวแก่งได้อย่างสวยงามอีกด้วย ส่วนที่ลานผาผึ้งนั้นเป็น พลาญหินทรายและหน้าผาชันที่มีวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม มองเห็นภูมิทัศน์ได้กว้างไกลถึงประเทศลาวเลยทีเดียว
ส่วนใครที่ชอบการเที่ยวน้ำตก ที่นี่มีน้ำตกตาดโตนให้คุณได้เที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำได้ด้วย เป็นน้ำตกที่เดินทางสะดวกเพราะตั้งอยู่ริมถนน ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยตาดโตน ไหลผ่านลำธารหินที่ยุบตัวลงเกิดเป็นน้ำตกชั้นไม่สูงนัก แต่มีสายน้ำที่สวยงามในช่วงฤดูฝน มีจุดให้คุณได้ลงเล่นน้ำได้ทั้งด้านบนน้ำตกและแอ่งน้ำด้านล่าง ช่วงเวลาท่องเที่ยวน้ำตกตาดโตนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม
นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่น่าเทียวอีก 2-3 แห่ง แม้ว่าจะเป็นน้ำตกเล็กๆ แต่ก็ทำให้คุณเพลิดเพลินได้ไม่น้อย เช่น น้ำตกและบึงห้วยหมาก น้ำตกห้วยกว้าง และน้ำตกรากไทร
ที่ตั้ง : สุดถนนทางหลวงหมายเลข 2296 ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีประมาณ 90 กิโลเมตร

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
อัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะ : คลิก
**หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

3.อุทยานภูจองนายอย

อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศไทย ด้วยพื้นที่ที่ติดต่อกับประเทศลาว และประเทศกัมพูชา จึงมีการขนานนามที่แห่งนี้ว่า “สามเหลี่ยมมรกต” นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งอยู่ในแนวเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งมีป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังที่หนาแน่นสมบูรณ์ เป็นอุทยานฯ ที่มีสภาพธรรมชาติที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย เพราะมีถนนลาดยางเข้าถึงอุทยานฯ และน้ำตกห้วยหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่นที่สุด จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนน้ำตกนี้อย่างไม่ขาดสาย นอกจากน้ำตกแล้ว ที่นี่ยังมีอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาว จึงมีนักนิยมไพรมากางเต็นท์พักแรมบนภูสูงอีกด้วย
จุดเด่นที่สุดของการเดินทางมาเที่ยวที่ภูจองนายอย คือ การได้มาชมความงามของน้ำตกห้วยหลวง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกถ้ำบักเตว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ เป็นหน้าผาหินที่มีน้ำกระโจนตกจากที่สูงลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง มีความสูงประมาณ 40 เมตร ใต้หน้าผานั้นมีซอกหินที่คุณสามารถเดินลงไปชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด โดยจะมองเห็นสายน้ำไหลผ่านด้านหน้า เหมือนน้ำฝนตกจากชายคา บริเวณแอ่งน้ำด้านล่างน้ำตกสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วย กระแสน้ำที่ไหลตกจากที่สูงทำให้เกิดเป็นหาดทรายขนาดย่อม ซึ่งแวดล้อมด้วยป่าไม้ที่ร่มรื่น นับเป็นหาดทรายกลางป่าที่สวยงามไม่เหมือนที่ใดๆ น้ำตกห้วยหลวงจะสวยงามมากที่สุดในช่วงปลายฝนต้นหนาว หากเป็นช่วงหน้าฝนจะมีปริมาณน้ำมากจนเกิดเสียงน้ำตกดังกึกก้องไปทั่วป่าเลยทีเดียว
จากแอ่งน้ำด้านล่างน้ำตกห้วยหลวง คุณสามารถเดินเลาะไปตามลำธารเพื่อไปชมน้ำตกประโอนละออ ระยะทางเพียง 100 เมตรเท่านั้น น้ำตกประโอนละออ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกจุ๋มจิ๋ม เป็นน้ำตกที่อยู่ต่อจากน้ำตกห้วยหลวง เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงาม สายน้ำไหลตกจากหน้าผาไม่สูงนัก แต่ด้านหน้ากว้าง มีแอ่งน้ำที่เหมาะสำหรับลงเล่นและนวดตัวด้วยสายน้ำ นอกจากนี้ยังมีสภาพป่าที่ร่มเย็นอีกด้วย
สำหรับจุดพักผ่อนเล่นน้ำที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ แก่งกะเลา ซึ่งมีลักษณะเป็นลำธารหินไหลแยกเป็น 2 สาย ทำให้เกิดเป็นเกาะเล็กๆ กลางลำธาร ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จัดสถานที่เป็นจุดนั่งพักผ่อน เหมาะกับการปิกนิกริมน้ำ จากแก่งกะเลามีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ชมพรรณไม้ไปจนถึงแก่งสนสามพันปี บริเวณแก่งสนสามพันปีนี้ เป็นจุดที่สามารถล่องแพไม้ไผ่ชมแมกไม้ริมคลอง ซึ่งคุณสามารถติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางและแพไม้ไผ่ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
นอกจากการเดินทางไปกลับเพื่อมาชมน้ำตกห้วยหลวง เที่ยวแก่งกะเลาแล้ว ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้บนลานหินจะเริ่มบาน ซึ่งหากเดินทางมาในช่วงนี้นับว่าคุ้มค่า เพราะจะได้เห็นน้ำตกห้วยหลวงที่มีสายน้ำสวยงาม และทุ่งดอกไม้ป่าจำพวกดอกกระดุมเงิน กระดุมทอง สร้อยสุวรรณา ดุสิตา มณีเทวา และสรัสจันทร์มากมาย จุดที่พบทุ่งดอกไม้บนลานหินได้แก่บริเวณพลาญหินป่าชาด และพลาญกงเกวียน ถัดขึ้นไปอีกจะเป็นเนินเขาคือจุดชมทิวทัศน์ที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างงดงามด้วย
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบการกางเต็นท์พักแรมท้าลมหนาว ต้องไม่พลาดที่จะไปเยือนภูหินด่าง ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอบุณฑริก ภูหินด่างเป็นภูเขาหินทรายที่ประกอบไปด้วยลานหินที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงามแปลกตา ทั้งลานหินงอก แอ่งหินเว้า และร่องหินแยก บนภูเป็นจุดชมวิวบริเวณหน้าผา และยังเป็นเส้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว ซึ่งมีหลักบอกเขตตั้งอยู่ จะเรียกที่นี่ว่า เป็นจุดชมวิวสองแผ่นดินก็คงไม่ผิดนัก โดยสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้ารวมทั้งทะเลหมอกในฤดูหนาว ชมทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาของพื้นที่ราบลุ่ม แม่น้ำโขง และสภาพป่าในเขตประเทศลาวและกัมพูชาที่อยู่เบื้องล่าง ที่ผนังหินใต้เพิงผาปรากฏแถบสีแดงและสีชมพูอยู่หลายแห่งซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ภูหินด่าง” บริเวณด้านบนยังสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่การเดินทางต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อยกสูง หรือใช้บริการรถอีแต๊กของชาวบ้าน และคุณต้องเตรียมน้ำดื่ม อาหาร และอุปกรณ์ในการค้างแรมมาด้วย
การเดินทางสู่ภูหินด่างให้คุณใช้ทางหลวงหมายเลข 2248 จากอำเภอนาจะหลวยถึงบ้านห้วยข่า เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2254 ถึงบ้านหนองเม็ก มีทางลูกรังแยกไปทางซ้าย เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภจ. 5 (พลาญมดง่าม) ต้องขึ้นเขาชันอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงภูหินด่าง นอกจากการเที่ยวภูจองนายอยแล้ว ขากลับคุณยังแวะไปเที่ยวที่เขาพระวิหารได้อีก โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2248 ผ่านไปทางอำเภอนายืน จนถึงอำเภอกันทรลักษ์ เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 221 ขึ้นถึงผามออีแดงได้สะดวก เส้นทางสายนี้ยังจะผ่านบริเวณแก่งลำดวน ซึ่งอยู่ในสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าอุบลราชธานี
แก่งลำดวนเป็นแก่งหินธรรมดาแต่มีความพิเศษที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen in Thailand เพราะเป็นจุดดูกุ้งเดินขบวนที่จะมีให้เห็นในตอนกลางคืน ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนเท่านั้น นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ไม่น่าพลาดชม จริงๆ
ที่ตั้ง : ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
อัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะ : คลิก
**หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ

4.น้ำตกแสงจันทร์(น้ำตกลงรู)

“น้ำตกแสงจันทร์” “น้ำตกรู”  “น้ำตกลงรู”  หรือ “น้ำตกลอดรู” คือหลากหลายชื่อเรียกน้ำตกแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ด้วยความสวยงามระคนปนกับความแปลกประหลาด
ของสายน้ำที่ไหลทะลุผ่านรูของแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ลงสู่แอ่งเบื้องล่างดุจดั่งฝักบัวซึ่งธรรมชาติสรรค์สร้าง
นี่เองที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมชมตลอดช่วงฤดูฝน – ต้นฤดูหนาว
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งไม่ควรพลาดในโปรแกรมการท่องเที่ยวย่านอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
จ.อุบลราชธานี
“น้ำตกแสงจันทร์” เป็นปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่สายน้ำไหลมาพบกับสิ่งกีดขวางซึ่งมีลักษณะ
เป็นแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ (คล้ายๆกับหลังคาของเพิงหมาแหงน) ที่วางตัวเป็นมุมเงยต้านกับเส้นทางการไหล
ของสายน้ำทำให้เกิดกระแสน้ำไหลเป็นวังวนรูปก้นหอย นานวันเข้ากระแสน้ำวนนี้ก็ค่อยๆกัดกร่อนแผ่นหินทราย-
ลงลึกขึ้นๆกลายเป็นแอ่งรูปทรงกลมจนกระทั่งทะลุผ่านแผ่นหินกลายเป็น “น้ำตกรู” “น้ำตกลงรู”  หรือ “น้ำตกแสงจันทร์”
ที่เรารู้จักกันในที่สุด คุณสามารถสังเกตเห็นร่องรอยของปรากฏการณ์ธรรมชาติในอดีตนี้ได้เพียงเดิน
จากลานจอดรถไปทางทิศใต้ห่างจากทางลงน้ำตกแค่ประมาณ 15 เมตร ก็จะพบกับเพิงผาซึ่งมีสายน้ำไหล-
วนเวียนผ่านรูหินกลมทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง (จุดชมทิวทัศน์นี้ คือ ด้านบนของน้ำตกลงรูนั่นเอง)
สภาพน้ำบริเวณแอ่งด้านหน้า “น้ำตกแสงจันทร์” เป็นน้ำผสมเลนสีน้ำตาลไม่เหมาะแก่การลงเล่นสักเท่าไหร่นัก
และเนื่องจากพื้นที่โดยรอบบริเวณของ “น้ำตกแสงจันทร์” นั้นไม่มีจุดสนใจอื่นๆโดดเด่นนอกเหนือไปจากตัวน้ำตก
ทำให้คุณสามารถใช้เวลาในการเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้จนทั่วได้ไม่เกิน 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น หากคุณยังพอมี-
เวลาเหลือในโปรแกรมการท่องเที่ยวล่ะก็ บริเวณใกล้ๆยังมี “น้ำตกทุ่งนาเมือง” เป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่งซึ่งไหล
ลอดผ่านใต้แผ่นหินขนาดใหญ่ลงมาเป็นสายม่านน้ำตกขนาดเล็กน่าแวะชมก่อนกลับ
แม้ว่า “น้ำตกแสงจันทร์” จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มแต่ก็อยู่ห่างจากจุดชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์-
ผาแต้มไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร เส้นทางเดินรถไปยังน้ำตกแสงจันทร์นั้นเป็นถนนลาดยางแต่ก็เต็มไปด้วย
หลุมบ่อขรุขระและไม่มีรถประจำทางผ่าน เพราะฉะนั้นหากต้องการไปเที่ยวจำเป็นต้องขับรถยนต์ส่วนตัว
หรือจัดโปรแกรมทัวร์แล้วเหมารถเข้าไปจะสะดวกกว่า ใครที่ชื่นชอบการชมทิวทัศน์ที่มีความงดงามแปลกตาไม่ควรพลาดการมาเยี่ยมเยือน “น้ำตกแสงจันทร์” แห่งนี้
ที่ตั้ง : บ้านทุ่งนาเมือง ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
การเดินทาง : จากผาแต้มใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2112 มุ่งหน้าไปทาง อ.เขมราฐ จนถึงบ้านนาโพธิ์กลางให้เลี้ยวขวา เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วตรงปากทางจะมีป้ายบอกทางไปบ้านทุ่งนาเมือง ให้ขับรถตรงไปเรื่อยๆราว 12

5.วนอุทยานน้ำตกผาหลวง

ตำบลนาเลิน อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี คือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะที่ วนอุทยานน้ำตกผาหลวง แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของตำบลนาเลิน ซึ่งล่าสุด! กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยวนอุทยานน้ำตกผาหลวงอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูโหล่น ในท้องที่บ้านนาเลิน ตำบลนาเลิน อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี มีเนื้อที่ประมาณ 11,375 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2538
วนอุทยานน้ำตกผาหลวง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี มีความโดดเด่นในเรื่องของลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยเทือกเขาติดต่อกันคือ ภูแผงม้า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 399 เมตร ภูพระทราย มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 392 เมตร ภูหมีเยี่ยม มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 362 เมตร ภูผักหวาน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 282 เมตร ซึ่งภูเขาเป็นลักษณะสูงชัน และมีที่ราบเป็นลานหินบนเขา
เมื่อมีโอกาสมาท่องเที่ยววนอุทยานน้ำตกผาหลวง แน่นอนว่าไฮไลท์แรกที่คุณต้องไม่พลาดไปเยือนก็คือ นํ้าตกผาหลวง จุดท่องเที่ยวที่สำคัญของวนอุทยานนํ้าตกผาหลวง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร ยาว 30 เมตร ประกอบด้วยหินทรายปนกรวด สีขาวปนเทา อยู่ในหมวดหินภูพานอายุประมาณ 110 ล้านปี อยู่ชั้นบน และส่วนที่เป็นถํ้าอยู่ชั้นล่างหน้าผาน้ำตก ประกอบด้วย หินทรายแป้ง สีเทาดำ สีนํ้าตาลม่วง อยู่ในหมวดหินเสาขัวอายุประมาณ 120 ล้านปี แสดงการวางตัวของชั้นหินชัดเจน dip angle 15 องศา/dip direction 35 องศา ห่างจากน้ำตกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 40 เมตร จะพบรอยคดโค้งหนาขนาด ประมาณ 1 เมตร
นอกจากความสวยงามของนํ้าตกผาหลวงแล้วนั้น ภายในวนอุทยานน้ำตกผาหลวงยังมีจุดชมความงามของดอกไม้ป่านานาชนิด เช่น ดอกมณีเทวา ดุสิตา สร้อยสุวรรณ รวมทั้งกล้วยไม้ป่า เช่น กล้วยไม้ในกลุ่มช้างท้าว และสิงโต และสุดท้ายขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดไปเยือน ผาหม้อ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาเฉลียงรูปร่างคล้ายหม้อดินโบราณ และบริเวณนี้ยังมีจุดใช้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นพื้นที่ของ ต.นาเลิน ได้แบบ 360 องศาอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเส้นทางได้ที่ อบต.นาเลิน โทร. 0-4525-2574
การเดินทางไปเยือน อุทยานน้ำตกผาหลวง สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง โดยรถยนต์ คือ
1. จากจังหวัดอุบลราชธานี–ตระการพืชผล เลี้ยวขวาเข้าอำเภอศรีเมืองใหม่ ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางและจากอำเภอศรีเมืองใหม่ถึงบ้านนาเลินประมาณ 19 กิโลเมตร เดินทางเข้าน้ำตกอีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 101 กิโลเมตรจากจังหวัดอุบลราชธานี – พิบูลมังสาหาร ข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร ตรงไปอำเภอศรีเมืองใหม่ เลี้ยวขวาเข้า อำเภอศรีเมืองใหม่–นาเลิน ประมาณ 19 กิโลเมตร เดินทางเข้าน้ำตก อีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 99 กิโลเมตร
2. จากจังหวัดอุบลราชธานี–พิบูลมังสาหาร ข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร ตรงไปอำเภอศรีเมืองใหม่ เลี้ยวขวาเข้า อำเภอศรีเมืองใหม่–นาเลิน ประมาณ 19 กิโลเมตร เดินทางเข้าน้ำตก อีกประมาณ 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 99 กิโลเมตร

ที่อยู่ :ตำบล นาเลิน อำเภอ ศรีเมืองใหม่ อุบลราชธานี 34250

 

 


Free Web Hosting